ภาระที่ดูเหมือนหนัก-เหนื่อย
หากคำนึงถึงคุณค่าที่ได้ทำ
กำลังใจย่อมเต็มเปี่ยม
แม้กายล้า ยังสู้ไม่ถอย
ที่ใครว่าทุกข์… เราไม่ทุกข์
ที่ใครเห็นว่าท้อ… เราไม่ถอยถอนใจ
กำลังใจสู้ไม่ถอย
ล้วนได้มาจากมุมมองของใจ(ทัศนคติ)ทั้งสิ้น
มีโอกาสทำดี อย่าให้เสียโอกาส
มีโอกาสเรียน ทำให้เต็มที่
และทำให้ดีในทุกโอกาส
บางคนรอโอกาสมาทั้งชีวิต
แต่ก็ไม่มีโอกาสเช่นเรา ๆ ท่าน ๆ
ประโยชน์อะไรที่จะล้า
มองชีวิต มองทุกข์อย่างเข้าใจ
กำลังใจก็หาได้ไม่ยากหรอก….
…จริงไหม…
***********************************
การที่เราจะมีความสุขในชีวิตหรือไม่นั้น
สิ่งสำคัญที่สุดอยู่ที่จิตใจ และความคิดของตนเอง
หากคิดแต่เรื่องดีๆ
ชีวิตก็มีความสุขและมีความทุกข์อย่างเข้าใจ
ถ้าหากกำลังมีทุกข์
ขออย่าคิดว่าทุกข์ของตนเองมากมายกว่าผู้อื่น
ให้เพียรพยายามคิดว่าผู้อื่นก็มีทุกข์ไม่น้อยไปกว่า
หรืออาจจะหนักหนาสาหัสกว่าเสียอีก
หากนำความทุกข์ไปเปรียบกับผู้ที่แย่กว่า
จะช่วยให้มีกำลังใจเพิ่มขึ้น
และรู้สึกว่ายังโชคดีกว่าอีกหลายๆ คน
ดังเช่นที่นักปราชญ์เคยกล่าวเอาไว้ว่า
"ในขณะที่ท่านกำลังร้องห่มร้องไห้เพราะไม่มีรองเท้าใส่
ท่านควรคิดถึงคนที่เขาไม่มีแม้กระทั่งเท้า
หรือหากท่านเสียใจที่ไม่มีเท้า
แต่ยังมีอีกหลายคนที่ไม่มีทั้งเท้าและทั้งแขน"
หรือหากทำงานและธุรกิจล้มเหลวก็ขอให้คิดว่า
ความผิดพลาดและล้มเหลว
คือบทเรียนเริ่มต้นของความสำเร็จ
เหมือนคำกล่าวที่ว่า
"บทเรียนชีวิตที่ดีที่สุด
ล้วนได้มาจากความผิดพลาดล้มเหลวของตนเอง
ความโง่เขลาเบาปัญญาและความผิดพลาดในอดีต
จะกลายเป็นสติปัญญา และความสำเร็จในอนาคต
ที่มา http://www.watmatukhunaram.com/bbs/viewthread.php?tid=79
เหนื่อยก็หยุดพักแต่อย่าเดินกลับหลัง
ชีวิตต้องก้าวไปข้างหน้า-เหนื่อยก็หยุดพักแต่อย่าเดินกลับหลัง
นานๆ ทีฉันนัดกินข้าวกับเพื่อนเก่าทีละหลายๆ คน
แบบเฮฮาปาร์ตี้ เพื่อนหลายคนชีวิตยังเรื่อยๆ
บางคนก็สุดโต่งรีบไปเสียไกลเชียว
(ฉันเป็นประเภทกลางๆ นั่งพักกายพักใจ ไม่ถอยไม่ก้าว)
เพื่อนฉันบางคนอยู่ในช่วงที่เหนื่อย ท้อ ไม่มีแรง
เขาบอกฉันว่า "ชีวิตเร่งรีบนักก็ไม่ดี"
พอมานั่งคิดตามก็เห็นว่า เออก็จริงของมันเหมือนกันนะ
แต่ถ้ามาคิดลึกๆ แล้ว
ถ้าเราก้าวช้าก็ไปได้ช้า
เวลาผ่านไปทุกวัน ไม่เคยคอยใครเลย
ฉันมักบอกเพื่อนประเภทเรื่อยเฉื่อยเกินไปทั้งหลายว่า
ไม่ว่าเธอจะเหนื่อยกายเหนื่อยใจสักแค่ไหน
ถ้าเธอเดินเร็ว
เวลาที่ล้มที่ลุก มันก็จะมากขึ้น
โอกาสที่เธอจะยืนได้อย่างแข็งแรงก็มีมากขึ้น
แต่ถ้าเธอมัวแต่ดินช้า เวลาที่จะล้มจะลุก
มันก็จะน้อยลง กว่าจะรู้จุดยืน
เธออาจจะไม่มีแรงเดินแล้วก็ได้
ไม่ใช่ว่าฉันเป็นคนไม่เหนื่อยไม่ท้อ
(แหม ฉันก็คนมีเลือดเนื้อ มีหัวใจ เซ็งโลกเป็นเหมือนกันนั่นแหละ)
ทุกครั้งที่อยากเดินถอยหลัง ฉันจะนึกถึงตอนที่ฉันก้าวมา
ฉันเหนื่อยแค่ไหน เหยียบหนามเจ็บตัวกี่ครั้ง
ถ้าฉันเดินกลับหลัง ทิ้งทุกสิ่งทุกอย่าง
เท่ากับว่าที่ผ่านมาฉันเหนื่อยฟรีสิ
บุคคลต้นแบบที่ฉันแอบปลื้มคนหนึ่ง
เขาบอกว่า
"ชีวิตคนเราต้องก้าวไปข้างหน้า
ถ้าเมื่อไหร่ที่เราเดินกลับหลัง
สิ่งนั้นเป็นการวัดอนาคตเราแล้วล่ะ"
สมัยเป็นนักศึกษาเล็กๆ ฉันมีเพื่อนหลายคน
ที่เดินออกจากมหาวิทยาลัยอย่างสง่าผ่าเผย
ด้วยปัญหาที่ฉันมองตอนนี้ว่าเล็กๆ
แต่ตอนนั้นก็ไม่เล็กสำหรับเด็กวัยขนาดนั้น
ฉันพยายามรั้ง...เดินมาตั้งครึ่งทางแล้วยังเดินมาได้
จะเดินต่ออีกนิดจะเป็นจะตายเชียวเหรอ...
แต่เขาถอดใจและเดินกลับหลังเสียดื้อๆ
ทิ้งความหวังความฝันของตัวเองลงกลางทาง
ตอนนี้ทุกครั้งที่เจอกันเขาบ่นเสียใจ และเสียดาย
ถ้าย้อนเวลาได้ เขาจะผ่านมันไปอย่างแข็งแรง
ทุกครั้งที่เหนื่อย ท้อ และทุกข์
ฉันบอกกับตัวเอง "แล้วมันจะผ่านไป"
ยังไงก็ไม่เดินกลับหลัง อย่างดีก็แค่อยู่เฉยๆ
พักกายพักใจ พอมีแรงแล้วเดินต่อ
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น...
ขอให้เธอผ่านมันไปอย่างแข็งแรง
ค่อยๆ เดินค่อยๆ ขยับ
เผลอแป๊บเดียว พอหันกลับไปดู แล้วจะตกใจว่า...
โห...เราเดินมาได้ไกลขนาดนี้แล้วหรือนี่...
ที่มา http://www.dhammakid.com/board/ocoaaaad/ae1xeiaceaonaeiaeoao1anoean/